ในวัย 68 ปี “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ยังคงมีไฟทำทีมฟุตบอลเต็มเปี่ยม กระโดดรับงานคุม “ช้างเผือก” เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมไทยลีก 2 เพื่อล่าตั๋วขึ้นชั้นลีกสูงสุด
“ผมอายุเยอะก็จริง แต่อยู่กับวงการฟุตบอลมาตลอด ไม่ได้เว้นวรรคไปไหน ดังนั้นจะบอกว่าแก่ไม่ได้ ต้องบอกว่าเก๋า” น้าฉ่วย กล่าว
ฤดูกาลที่แล้ว “เทพฉ่วย” คุมทัพ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด เอฟซี ในลีกรอง บอลกำลังมาแรงๆ ในเลกแรก แต่มาเจอปัญหาโควิด, นักเตะเจ็บ เลยแผ่ว ต้องไปเล่นเพลย์ออฟ แล้วก็อกหัก
ก่อนหน้านี้เคยพา สมุทรสงคราม เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี ขึ้นไทยลีก 1 มาแล้ว และคุม ราชนาวี ลีกสูงสุด เมื่อปี 2017 มาตระเวนลีกรอง เกือบพา ศรีสะเกษ ที่โดนตัด 12 แต้ม ขึ้นชั้น จากนั้นมา หนองบัว พิชญ พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ได้เลื่อนแล้วแต่แยกทางเสียก่อน โยกมาคุม ตราด เอฟซี ก็เฉียดอีก
หลังจบซีซั่นล่าสุด น้าฉ่วย ขอวางมือจากการเป็นกุนซือ ตราด บอกเหตุผลหลีกทางให้ “โค้ชหาญ” หาญณรงค์ ชุณหคุณากร มือขวาที่ตามมาเนิ่นนานสั่งสมวิชาแก่กล้าได้มีโอกาสบ้าง ส่วนตัวเองไปเป็นที่ปรึกษา แต่เคลียร์กับผู้บริหารว่า ยังมีไฟอยู่ หากมีทีมสนใจ ก็พร้อมคุย
ส่วนดีลกับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด น้าฉ่วย เผยที่มาว่า คุยกันหลังเปิดฤดูกาลแล้ว จะให้มาเป็นที่ปรึกษาก่อน ให้ “โค้ชชู” ชูศักดิ์ ศรีภูมิ ทำงานเต็มที่ แต่ด้วยผลงานช่วงต้น โค้ชชู แยกทางไป ช้างเผือก เลยต้องการให้ น้าฉ่วย ไปคุมทัพทันที
“ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ ต้องขอขอบคุณ นายกก๊อง-พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ประธาน กับ มาดามออม (ศรีโสภา โกฏคำลือ) ผู้จัดการทีม ที่ไว้วางใจ”
จากทีมตราด เอฟซี มาสู่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ยังเป็นทีมระดับลีกรองเหมือนกัน คำถามคือทำไม น้าฉ่วย จึงย้ายจาก ช้างขาวจ้าวเกาะ
“เราอยากจะลองอะไรใหม่ๆ หลังจากทำมาแล้ว อยากหาทีมที่มีเป้าหมายชัดเจนพุ่งเป้าสู่ไทยลีก อีกอย่างคืออยากเปิดทาง โค้ชหาญ ที่ได้วิชาผมไปเยอะแล้ว ต้องถึงเวลาเสียที”
สิ่งที่คาดกันคือ เมื่อ น้าฉ่วย ลาออกจาก ตราด แล้ว เป้าหมายน่าจะเป็นทีมไทยลีก 1 แต่กลับวกมารับงานทีมลีกรองอีก
“จริงๆ คืออยากทำทีมไทยลีกนั่นแหละ ยอมรับว่ารออยู่ เมื่อเราว่างแล้ว คิดว่าไม่เกินเลกแรกต้องมีทีมที่ปลดโค้ช”
“แต่อีกใจคิดว่า หากมีทีมไทยลีก 2 ที่เป้าหมายชัดเจนก็น่าสน ซึ่งผมคิดในใจมีอยู่ 2 ทีม ที่หากติดต่อมาจะพิจารณาซึ่ง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เป็น 1 ในนั้น เพราะตั้งใจจริงในการขึ้นชั้นลีกสูงสุดอีกครั้ง”
“อีกเหตุผลคือ หากไปรับทำทีมไทยลีก 1 กลางฤดูกาล สภาพทีมจะเป็นอย่างไรไม่รู้ เพราะถ้าเขาปลด แสดงว่าอยู่ท้ายๆ แล้ว เผลอๆ ผมไปรับงานต่อ จะอยู่ได้ไม่นาน เวลาไม่พอให้แก้ไข ก็โดนเด้งอีก”
เรื่องเงินเดือน ค่าจ้าง น้าฉ่วย บอกว่า ไม่ใช่ปัจจัย
“เงินเดือนไม่ได้เยอะมาก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเรียกไปแบบพออยู่ได้ ให้ดูการทำงานไปดีกว่า ถ้าทีมดีค่อยว่ากัน ไม่ได้เรียกเยอะแยะระดับไทยลีก”
กับสภาพนักเตะของ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เป้าหมายแน่นอนคือ “ต้องขึ้นชั้น” ซึ่ง น้าฉ่วย ยังมองเห็นจุดที่ต้องปรับเพื่อสอยเป้านี้
“มองคร่าวๆ ไว้ ค่อยๆ ปรับไป ตอนนี้โครงนักเตะยังไม่ได้กับเราเท่าไหร่”
“บางคนเล่นไทยลีก 1 มา อย่าง บิลล์ โรซิมาร์ มาไทยลีก 2 คิดว่าจะง่าย จริงๆ ไม่ง่าย เพราะมาไทยลีก 2 วิ่งสู้ฟัด จะโดนรุม ค่อยๆ บอกเขา ให้ปรับสไตล์”
ในอายุ 68 ปี เชียงใหม่ ยูไนเต็ด อาจเป็นงานฟุตบอลท้ายๆ ของ น้าฉ่วย หรือไม่
“ผมมีไฟนะ เป้าหมายสูงสุดทีมชาติไทยผมก็อยากคุม อยากทำทีม 23 ปี แต่เขาจะสนหรือเปล่าล่ะ” น้าฉ่วย กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ตอนนี้ผมอายุ 68 ปี ยังอยากทำงานไปเรื่อยๆ เอาแบบไม่ไหวๆ ก็ 70 กว่าๆ แต่จริงๆ คนอายุ 75-80 คุมทีมกันเยอแยะ ถ้ายังเดินไหว ยังผลงานไปได้ก็คงลุยเรื่อยๆ”
“แน่นอน ผมอยากกลับไปสู่ไทยลีก 1 อีกครั้ง การที่มีทีมมาดึงไปก็ดี แต่หากจะปั้นทีมขึ้นชั้นเองนี่มันภูมิใจกว่า และ เชียงใหม่ เป็นทีมที่มุ่งมั่น”
“งานสุดท้ายหรือไม่น่ะเหรอ ตอบยากนะ แต่ใจก็คิดเหมือนกัน อยากเอา เชียงใหม่ ยูไนเต็ด นี่แหละ ต่อยอดเป้าหมายของตัวเอง พาขึ้นไทยลีก 1 แล้วสร้างผลงานดีๆ ฝากชื่อไว้ก่อนจะเลิกอาชีพนี้” น้าฉ่วย ทิ้งท้าย
เปิดเส้นทางผจญภัยอีกของกุนซือจอมเก๋า “สมชาย ชวยบุญชุม” ที่เฉียดไปเฉียดมา กลับสู่ลีกสูงสุดหลายครั้ง
จากโค้ชลีกรองชื่อดัง ที่วงการยอมรับในฝีมือ หลายคนคงอยากเห็นเต็มที หากได้ขึ้นสู่สมรภูมิลีกสูงสุดแล้ว ยอดโค้ชคนนี้จะโชว์ผลงานได้ดีขนาดไหน
สุดท้ายแล้วทำได้หรือไม่ รอติดตามกัน กับการเดินทางครั้งใหม่ของเขา.
*** วุฒินล บุญวานิช ***
(ภาพ : เชียงใหม่ ยูไนเต็ด)