29 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มีพระพุทธรูปเก่าแก่ล้ำค่า จำนวน 3 องค์ เป็นพระเนื้อทองสัมฤทธิ์ ยุคสุโขทัย อายุเกือบ 800 ปี ถูกขังกรงเหล็กแน่นหนาอยู่ในวัด 2 แห่ง คือ วัดปลายนา หมู่ 3 และที่ วัดจอมแจ้ง หรือวัดภูนก หมู่ 4 ต.บ้านตึก เป็นที่เคารพบูชาและชาวบ้านหวงแหนอย่างมาก
พระใบฎีกา นพดล ธีรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดปลายนา เปิดเผยว่า พระพุทธรูปโบราณดังกล่าว ที่วัดนี้มี 2 องค์ มีชื่อรวมกันเรียกว่า “พระเทพอักษรชัยมงคล” หรือหลวงพ่อสองพี่น้อง เป็นพระปางมารวิชัย องค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้าง 102 เซนติเมตร ส่วนองค์เล็กหน้าตักกว้าง 88 เซนติเมตร ลักษณะใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตา และกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้แล้วเมื่อปี พ.ศ. 2530
เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดต้นสน แต่หลังจากหลวงพ่อมืด เจ้าอาวาสวัดต้นสนได้มรณภาพ วัดนี้ก็กลายเป็นวัดร้าง ต่อมาหลวงปู่ศุข หรือพระครูคีรีบรรพตโหราจารย์ เจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดปลายนา (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี พ.ศ. 2395-2458) จึงได้อัญเชิญ “พระเทพอักษรชัยมงคล” มาประดิษฐานที่วัดปลายนา ถึงปัจจุบันก็นานกว่า 150 ปีแล้ว
พระใบฎีกานพดล บอกว่า ครั้งแรกอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณมาทั้งหมด 3 องค์ นำประดิษฐานไว้ที่ศาลาการเปรียญ กระทั่งช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 ถูกขโมยตัดเศียรไป 1 องค์ เหลือ 2 องค์ กลัวว่าโจรจะย้อนกลับมาอีก จึงจำเป็นต้องย้ายองค์ท่านไปอยู่บนกุฏิ แล้วสร้างกรงเหล็กครอบไว้ โดยช่วงแรกๆก็จะมีชาวบ้านผลัดกันถือปืนมานอนเฝ้าด้วย แต่ปัจจุบันได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด และมีพระสงฆ์นอนเฝ้าแทน
“ตอนนี้ที่วัดกำลังสร้างวิหารหลังใหม่ แบบหล่อตันทุกด้าน พร้อมเตรียมติดตั้งกระจกกันกระสุน และกล้องวงจรปิด ทั้งด้านในด้านนอก ก่อนจะอัญเชิญพระเทพอักษรชัยมงคล มาประดิษฐานในวิหารหลังใหม่ โดยจะมีองค์จำลองให้ญาติโยมได้สักการะปิดทองแทนองค์จริง” พระใบฎีกานพดล กล่าว
ส่วนพระพุทธรูปเก่าแก่ล้ำค่าที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก วัดจอมแจ้ง หรือวัดภูนก หมู่ 4 ต.บ้านตึก นายห่วง ระบือ อายุ 63 ปี (ประธานตำรวจบ้าน สภ.ศรีสัชนาลัย) ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า พระโบราณล้ำค่าองค์นี้มีนามว่า “หลวงพ่อพิชัยมงคล” หรือหลวงพ่อมืด เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ยุคสุโขทัย อายุเกือบ 800 ปี มีหน้าตักกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร กรมศิลป์ขึ้นทะเบียนไว้แล้วเช่นกัน
และยังอัญเชิญมาจากวัดต้นสนแห่งเดียวกัน ซึ่งวัดต้นสนนั้นก็ยังมีตำนานเรื่องเล่า “พระประธานกินสามเณร” ขณะกำลังท่องหนังสือเสียงดังอยู่ในโบสถ์ อีกด้วย นอกจากนี้ที่วัดภูนก ก็ยังมีพระพุทธรูปล้ำค่าอีกองค์ คือ “พระพิชัยหลังช้าง” ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 14 นิ้ว อายุประมาณ 152 ปี
ลุงห่วง บอกว่า หลังจากอัญเชิญ “หลวงพ่อพิชัยมงคล” พระเก่าแก่เกือบ 800 ปี มาประดิษฐานยังโบสถ์วัดภูนก ก็ปรากฏว่ามีโจรบุกเข้ามาพยายามจะตัดเศียรองค์ท่าน แต่ทำไม่สำเร็จ ต่อมาก็มีการติดต่อขอซื้อ “หลวงพ่อพิชัยมงคล” และ “พระพิชัยหลังช้าง” ให้ราคาสูงถึง 40 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านกลัวสูญหาย จนต้องอุ้มพระทั้ง 2 องค์ หนีไปซ่อนตามบ้านเรือน ย้ายสลับที่ไปเรื่อยๆ โดยเก็บเป็นความลับ จะรู้กันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ถ้ามีคนเข้ามาในหมู่บ้านแล้วถามหาองค์พระ ก็ต้องย้ายที่ซ่อนทันที อุ้มพระหนีโจรกันแบบนี้นานถึง 50 ปี ก่อนจะมีการสร้างพระวิหาร ติดลูกกรงเหล็ก พร้อมกล้องวงจรปิด แล้วอัญเชิญทั้ง 2 องค์ มาประดิษฐานเมื่อปี พ.ศ. 2546 จนถึงปัจจุบัน
“ทุกวันนี้ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทางวัดก็จะเปิดวิหาร (แต่ไม่เปิดกรงเหล็ก) ให้เข้าชม และทุก 8 ค่ำ 15 ค่ำ วันพระ จะเปิดให้ชาวบ้านกราบไหว้บูชา แต่ที่สำคัญทำแค่ปีละครั้ง คือ ในวันที่ 15 เมษายน ของทุกปี จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อทั้ง 2 องค์ออกจากวิหาร เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำตามประเพณีสงกรานต์ อย่างใกล้ชิด” ลุงห่วง กล่าว
ภูเบศวร์ ฝ้ายเทศ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุโขทัย