(10 ธ.ค. 64) ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.ไกลกลาง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย กว่า 30 คน เดินทางมาร้องทุกต่อศูนย์ดำรงธรรม และผู้สื่อข่าว กรณีผู้ใหญ่บ้านไม่โปร่งใส ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดรายรับรายจ่ายของเงินกองทุนหมู่บ้านหลายรายการ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2551 ทางรัฐบาลได้มีการสนับสนุนเงินกองทุนหมู่บ้าน เป็นเงินวิสาหกิจชุมชน จำนวน 1 ล้านบาท โดยมติของที่ประชุมของประชาชนในหมู่บ้านหมู่ 5 ต.ไกลกลาง ให้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาทไปซื้อเป็นน้ำมัน และนำมาให้ลูกบ้านกู้เป็นน้ำมัน โดยมติในที่ประชุมยินยอมให้คิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7 ต่อปี และแบ่งดอกเบี้ยออกเป็น 2 ส่วน คือให้กับ ธกส. ร้อยละ 3 บาทต่อปี และให้กองทุนหมู่บ้านร้อยละ 4 บาทต่อปี และตกลงในที่ประชุมว่าจะมีการปันผลทุกปี อีกทั้งมีการเก็บเงินทุนหุ้นละ 100 บาท โดยระยะเวลาผ่านมา 13 ปี ที่ชาวบ้านใน หมู่ 5 ได้มีการส่งดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาด จนเมื่อประมาณต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้มีการซักถามถึงเงินดอกเบี้ยที่พวกตนได้ส่งเข้ากองทุนไปยังผู้ใหญ่บ้าน ม.5 รายนี้ ว่าตอนนี้มียอดทั้งหมดเท่าไหร่แล้วให้เอามาแจกแจงต่อลูกบ้านผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ได้ตอบว่าจำไม่ได้ว่ามีเงินเท่าไหร่ เมื่อชาวบ้านถามถึงเอกสารต้นขั้วทั้งหมดที่มีการเก็บเงินดอกเบี้ยไป ผู้ใหญ่บ้านกลับตอบว่าเอกสารทั้งหมดถูกปลวกกินไปหมดแล้วไม่สามารถตรวจสอบได้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน ม.5 เป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อกลุ่มชาวบ้านได้สอบถามถึงเงินกองทุนหมู่บ้านอื่นอีก 3 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นเงินกลุ่มออมทรัพย์และเงินกองทุนหมู่บ้าน เงิน กทบ.เงินล้าน เงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เมื่อชาวบ้านไปทวงถามและสอบถามถึงข้อเท็จจริงกับไม่สามารถชี้แจงได้ เช่นกัน
อีกทั้งยังมีจุดที่ไม่โปรงใสในเรื่องการเงินของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านที่มาร้องเรียนได้กล่าวถึงการสร้างเมรุในหมู่บ้าน ว่าก่อนหน้านี้มีผ้าป่ามาจาก กทม. และชาวบ้านสมทบรวมเป็นเงิน 200,000 บาทและใช้เงินสร้างฝาย 180,000 บาทและยังสร้างไม่เสร็จ อยากทราบว่าส่วนที่เหลืออยู่ตอนนี้หายไปไหน การซ่อมประปาหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านหมู่ 5 กล่าวว่าประปาได้เสียผู้ใหญ่ให้มีการจัดซ่อม ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านได้ยืมเงินของทางวัดไปใช้ก่อนเป็นเงิน 20,000 บาท และแจ้งชาวบ้านจะคืนเงินให้วัด แต่เวลาผ่านมานานเป็นปีผู้ใหญ่ก็ไม่นำเงินมาคืนให้ทางวัดและภายหลังผู้ใหญ่บอกว่าชาวบ้านยินยอมให้เอาเงินวัดมาใช้ แต่ในข้อตกลงกันคือผู้ใหญ่ต้องคืนเงินให้วัด ยังมีเรื่องของความไม่เป็นธรมไม่โปร่งใสของผู้ใหญ่บ้าน เป็นเรื่องถุงยังชีพคนพิการผู้ใหญ่บ้านได้มาขอรายชื่อผู้พิการในหมู่บ้านเพื่อไปรับถุงยังชีพและในเวลาที่ถุงยังชีพมา ผู้พิการได้สอบถามไปยังผู้ใหญ่บ้านว่าถุงยังชีพได้หรือยังผู้ใหญ่บ้านตอบว่าได้มาแล้วแต่ได้น้อยเลยไม่นำมามอบให้กับผู้พิการ
ชาวบ้านกลุ่มนี้จึงมาร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความเป็นธรรมในกรณีผู้ใหญ่บ้านไม่โปร่งใสและลงชื่อต้องการให้ถอดถอนผู้ใหญ่บ้านเนื่องจากไม่โปร่งใส ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้จากเงินกองทุนซึ่งมีระยะเวลากว่า 13 ปีเงินไปอยู่ที่ไหน และพร้อมใจกันลงชื่อเพื่อขอความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ไกรกลาง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย รายนี้ให้กับประชาชนด้วย
ด้านนายบัณฑิต พรหมทอง ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุโขทัย หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านกลุ่มนี้แล้ว กล่าวว่า ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหลังรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านแล้ว ในกรณีที่เป็นการร้องเรียนของฝ่ายปกครองโดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านซึ่งสังกัดกระทรวงมหาดไทยโดยตรง ทางศูนย์ดำรงธรรมจะร่วมกับปลัดจังหวัด ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะดำเนินการอย่างรวดเร็วคาดว่าจะทราบผลได้ใน 15 – 30 วัน ก็น่าจะทราบผลการตรวจสอบ