ภูมิภาค
สุโขทัยพบติดเชื้อโอมิครอน 4 ราย
วันพฤหัสบดี ที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2565, 20.06 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
จังหวัดสุโขทัย พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จำนวน 4 ราย เป็นคนไทย 2 ราย และชาวต่างประเทศ 2 ราย พร้อมขอให้ประชาชนไปรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
วันที่ 6 มกราคม 2565 ดร.นายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ขณะนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้ว จำนวน 4 ราย
แบ่งเป็นคนไทย 2 ราย และชาวต่างประเทศ 2 ราย โดยรายแรกเป็นเพศหญิง อายุ 20 ปี ทำงานที่จังหวัดชลบุรี เดินทางกลับบ้านที่อำเภอสวรรคโลก ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 และทราบข่าวจากเพื่อนที่ทำงานแจ้งว่า ติดเชื้อโควิด-19 จึงนำชุดตรวจ ATK ตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ผลตรวจพบเชื้อโควิด-19 และได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสวรรคโลก ตรวจด้วยวิธี RT-PCR ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19
ขณะนี้พักรักษาที่โรงพยาบาลสวรรคโลก ผู้ป่วยรายที่สองเป็นเพศหญิง อายุ 25 ปี ชาวอำเภอคีรีมาศ มีแฟนเป็นชาวประเทศนอรเวย์ ซึ่งได้พักอาศัยอยู่ที่อำเภอคีรีมาศ นานหลายเดือนแล้ว ได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดชลบุรีในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 และได้เดินกลับบ้านที่อำเภอคีรีมาศ มีอาการเหนื่อย ไข้ ไอ เจ็บคอ มีผื่นตามขาและมือ จึงได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยด้วยวิธี RT-PCR ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคีรีมาศ ผู้ป่วยรายที่สาม อายุ 54 ปี ชาวประเทศนอรเวย์ เป็นแฟนผู้ป่วยรายที่สอง ขณะนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก และผู้ป่วยรายที่สี่เป็นเพศชาย อายุ 34 ปี ชาวประเทศสวิตซอร์แลนด์ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จังหวัดสุโขทัย ได้รับแจ้งผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุโขทัย ส่วนภรรยาไม่พบเชื้อ และได้กักตัวอยู่ที่พัก
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวด้วยว่า โรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แพร่ระบาดเร็ว แต่อาการจะไม่รุนแรง และในช่วงนี้มีแนวโน้มการระบาดเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนและสถานประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ไปรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้วย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่