ภาคีชาวไร่ยาสูบร้อง กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ทำชาวไร่สูญรายได้ 1,200 ล้าน
ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบฯ 15 จังหวัด ร้องคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ค้านร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบบุหรี่ เผยทำชาวไร่ยาสูบเดือดร้อนหนัก รายได้หมุนเวียนท้องถิ่นหาย 1,200 ล้านบาท บุหรี่เถื่อนจะเกลื่อนตลาด กระทบรายได้ภาษีที่อาจหายไปกว่า 74,700 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไข หรือยกเลิกร่างกฎกระทรวงฯ โดยเร็ว
นายอัจฉริยะ วัฒนาพร ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบจากสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ 5 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมออนไลน์กับคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจที่มี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นประธาน เพื่อร้องเรียนความเดือดร้อนและผลกระทบจากร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบฯ พ.ศ….ที่เสนอโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่า
“ชาวไร่ยาสูบ 30,000 ครอบครัว ในพื้นที่ 15 จังหวัดกำลังจะได้รับผลกระทบหนักอีกครั้งจากมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่จะแบนส่วนประกอบทั้งหมดในบุหรี่แบบที่ไม่มีใครในโลกทำกัน ที่ผ่านมา ชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีสรรพสามิตทำให้ถูกตัดโควตาและรายได้ลดลงกว่า 50% มา 4 ปีติดต่อกันแล้ว ซึ่งหากร่างกฎกระทรวงฯ นี้ออกมาเป็นกฎหมายจริง โควตารับซื้อใบยาจากการยาสูบแห่งประเทศไทยจะหายไปกว่า 92% จากที่เคยรับซื้ออยู่ปีละ 12.9 ล้านกิโลกรัม จะเหลือเพียง 1 ล้านกิโลกรัม ชาวไร่ยาสูบต้องสูญเสียอาชีพและรายได้ไปเกือบทั้งหมดในทันที เงิน 1,200 ล้านบาทที่เป็นเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นจะสูญหายไปจากเศรษฐกิจชุมชน และรายได้รัฐจากการจัดเก็บภาษีและกองทุนต่างๆ ก็จะหายไปประมาณ 74,700 ล้านบาท”
“เมื่อครั้งที่กรมควบคุมโรคจัดทำร่างกฎกระทรวงฯ ชาวไร่ยาสูบก็ไม่มีโอกาสเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งที่เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีการประเมินผลกระทบต่อชาวไร่อย่างเป็นรูปธรรม พอเราได้เห็นว่าร่างกฎกระทรวงฯ นี้จะทำให้พวกเราเสียอาชีพ เสียรายได้อย่างมากมาย เราจึงทำหนังสือมายังคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร้องเรียนถึงผลกระทบต่อชาวไร่ ซึ่งขณะนี้ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวถูกเห็นชอบโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. แล้ว “
ด้านนายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่เบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเสริมว่า ขอให้มีการพิจารณาแก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ นี้ หรือยกเลิกไปเลย เราขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ที่เพิ่งเสนอนุมัติเงินเยียวยาช่วยเหลือชาวไร่ 159 ล้านบาท อย่าได้ออกมาตรการมาซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบให้แย่ไปกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้มีชาวไร่ยาสูบในจังหวัดสุโขทัยต้องฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สินรุมเร้ามาแล้ว และเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก จากนี้ไปจะเดินหน้าคัดค้านร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวจนกว่าจะถึงที่สุดเพื่อปกป้องอาชีพของเรา
ตัวแทนสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดสุโขทัย นางสุนิสา แก้วสุข กล่าวเพิ่มด้วยว่า ถ้าร่างกฎกระทรวงฯ นี้ผ่านออกมา ชาวไร่ยาสูบต้องกุมขมับแน่นอน พวกเรามองไม่เห็นอนาคตเลย เห็นแต่ความมืดมน กรมควบคุมโรคตั้งใจทำลายอาชีพยาสูบให้หายไปจากประเทศไทย และพยายามยัดเยียดให้ปลูกพืชทดแทน ทั้งๆ ที่ยาสูบเป็นอาชีพสุจริต มาตรการนี้จะทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายหายไป มีแต่บุหรี่เถื่อนทั้งตลาด และยังปัดความรับผิดชอบให้หน่วยงานอื่นๆ มาดูแลชาวไร่แทนหากชาวไร่ต้องเลิกทำยาสูบ เราแค่อยากมีอาชีพ มีรายได้ และยาสูบเป็นพืชชนิดเดียวที่ทำให้เราลืมตาอ้าปากได้ในเวลานี้ พืชทดแทนอื่นก็ยังหาไม่ได้ ค่าครองชีพ เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช หมู ไก่ และต้นทุนการเกษตร เช่น ปุ๋ย น้ำมัน ก็แพงขึ้น ในเวลาอย่างนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลซ้ำเติมปัญหาปากท้องของชาวไร่อีก
“เราขอบคุณ สส. ศิริกัญญา และกมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจที่รับฟังความเดือดร้อนของชาวไร่และรับปากว่าจะทำความเห็นส่งให้กับ ครม. เพื่อประกอบการพิจารณา เราอยากขอให้มีการแก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ นี้ หรือไม่ก็ให้ยกเลิกไป” นางสุนิสา กล่าวปิดท้าย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่