ในวันอังคารนี้ กองทัพเรือสรุปผลการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อย่างเข้าวันที่สิบว่า สามารถค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ระบุตัวบุคคลได้แล้ว 20 นาย รอระบุตัวตนอีกหนึ่งราย และยังคงสูญหายอีก 8 นาย โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้ไปร่วมงานศพและขอโทษญาติของกำลังพลที่เสียชีวิตแล้ว หลังจากที่มีญาติบางรายกล่าวโทษกองทัพเรือ
พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่สิบของเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยจม ทางกองทัพเรือ และอีกสามเหล่าทัพ ยังคงร่วมกันใช้เรือรบและอากาศยาน ค้นหาผู้รอดชีวิตทั้งในน้ำและชายฝั่ง โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยราชการ และเอกชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร
“นอกจากการลาดตระเวนบนผิวน้ำและพื้นที่ตามแนวชายฝั่งแล้ว ในวันนี้ เรือหลวงบางระจันได้ทำการกำหนดตำบลที่ใต้น้ำและติดตั้งทุ่นลอยบริเวณเรือหลวงสุโขทัย… ในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดถอดทำลายอมภัณฑ์ได้ปฏิบัติภารกิจในการสำรวจและค้นหาผู้ประสบภัยรอบตัวเรือหลวงสุโขทัย บริเวณเหนือดาดฟ้าหลัก โดยมีเรือหลวงราวี เป็นฐานปฏิบัติการ” พล.ร.อ. ปกครองกล่าว
พล.ร.อ. ปกครองกล่าวว่า มีเรือประมงที่แล่นอยู่ที่บริเวณเกาะสาก จังหวัดชุมพร พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ร่าง เรือตรวจการณ์ประมง 611 และเรือตรวจการณ์ประมงที่ 619 จึงได้เข้าทำการเก็บกู้ หนึ่งในนั้นทราบชื่อว่า จ่าตรี สิริธิติ งามทอง ส่วนอีกศพยังไม่ทราบผลการพิสูจน์อัตลักษณ์ นอกจากนั้น ในวันนี้ เจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ศพร่างที่พบเมื่อวานนี้ได้ว่า คือ จ่าโท สหรัฐ อีสา
กองทัพเรือ สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ เวลา 17.30 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ว่า จากยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต จำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 21 นาย (ในจำนวนนี้ สามารถระบุชื่อได้แล้ว 20 นาย และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ และอยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อยืนยันตัวบุคคล 1 นาย) คงเหลือผู้สูญหายจำนวน 8 นาย
สำหรับรายชื่อกำลังพลที่ยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว 20 นาย ประกอบด้วย 1. ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก, 2. พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์, 3. พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ, 4. พันจ่าเอก อำนาจ พิมที, 5. จ่าเอก จักร์พงศ์ พูลผล, 6. จ่าเอก บุญเลิศ ทองทิพย์, 7. จ่าเอก ชูชัย เชิดชิด, 8. จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช, 9. จ่าโท สหรัฐ อีสา, 10. จ่าตรี สถาพร สมเหนือ, 11. จ่าตรี นพณัฐ คำวงค์, 12. จ่าตรี ศุภกิจ ทิวาลัย, 13. จ่าตรี ศราวุธ นาดี, 14. จ่าตรี สิริธิติ งามทอง, 15. พลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ, 16. พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม, 17. พลทหาร สิทธิพงษ์ หงษ์ทอง, 18. พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร, 19. พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี และ 20. พลทหาร จำลอง แสนแก
เจ้าหน้าที่ประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ กองทัพเรือ ได้ปฏิบัติภารกิจลงเรือยางเพื่อสำรวจและค้นหาผู้ประสบภัยรอบตัวเรือหลวงสุโขทัย ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 25 ธันวาคม 2565 (กองทัพเรือ)
ผบ.ทร. ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต
สำหรับผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งได้ถูกนำไปจัดพิธีตามศาสนาแล้ว ขณะที่บางส่วนอยู่ระหว่างการส่งร่างให้กับญาติผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธี
หลังเกิดเหตุการณ์ ญาติของลูกเรือบางส่วนมีความขุ่นเคืองต่อกองทัพเรือที่ตัดสินใจนำเรือออกเดินทางทั้ง ๆ ที่มีคลื่นลมแรง
มารดาของ พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม หนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับสื่อมวลชน ขณะจัดพิธีศพให้กับลูกชายเมื่อวันจันทร์ว่า ต้องการคำขอโทษจากผู้รับผิดชอบ
“(พลฯ จิราวัฒน์) ขึ้นเรือครั้งแรกก็ไม่ได้กลับมาแล้ว เพราะเขากลัวเรือล่ม อยากถามว่าทำไมตัดสินใจเอาเรือออกจากท่า อยากให้มีการขอโทษ ลูกเราทั้งชีวิตนะ” มารดาของ พลฯ จิราวัฒน์ กล่าว
ในเวลาตอนค่ำของวันจันทร์เช่นเดียวกัน พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวขอโทษต่อญาติผู้วายชนม์ ขณะเดินทางไปร่วมพิธีศพของกำลังพลที่เสียชีวิต ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
“กองทัพเรือรู้สึกเสียใจในการสูญเสียของกำลังพลในส่วนนี้ และผมก็ได้ขอโทษทางญาติของกำลังพลว่า กองทัพเรือเราไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเขาได้ แม้ว่าจะใช้สรรพกำลังอย่างสุดความสามารถในการที่จะตามหา แล้วก็ช่วยเหลือเขา กองทัพเรือยังไม่ละความพยายามในการที่จะค้นหา และยังหวังว่าหากมีผู้รอดชีวิตอยู่ เราก็ยังค้นหาต่อ” พล.ร.อ. เชิงชาย กล่าวกับญาติผู้เสียชีวิต
สำหรับสาเหตุการอับปางนั้น ในเบื้องต้น กองทัพเรือ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 เรือหลวงสุโขทัย มีภารกิจเดินทางไปยังจังหวัดชุมพร แต่เนื่องจากมีคลื่นลมแรงจึงทำให้เรือเสียการทรงตัว และมีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ ส่งผลให้เครื่องไฟฟ้าดับ แล้วทำให้เครื่องจักรใหญ่และเครื่องจักรช่วยหยุดทำงาน เป็นเหตุต่อเนื่องให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ ส่งผลให้น้ำเข้าภายในตัวเรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เรือเอียงและอับปางในที่สุด
เรือหลวงสุโขทัย หมายเลขประจำเรือ FSG-442 เป็นเรือคอร์เวตคู่กับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ที่กองทัพเรือจัดหามาจากสหรัฐอเมริกา ขึ้นประจำการเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2530 สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ เป็น 1 ในเรือ 10 ลำ ของกองเรือปราบเรือดำน้ำ
การอับปางครั้งนี้นับว่าเป็นการอับปางครั้งแรกของเรือรบไทยในรอบ 77 ปี โดยเมื่อปี 2488 เรือรบหลวงสมุยต้องอับปางลงหลังจากถูกยิงจากเรือดำน้ำของสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีกำลังพล 31 นายเสียชีวิต ก่อนหน้านั้น 4 ปี ในสงครามสยาม-ฝรั่งเศส เรือรบไทยถูกเรือรบฝรั่งเศสโจมตี จนอับปาง 2 ลำ และได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง 3 ลำ