รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอให้บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะซึ่งถืออยู่ทั้งหมดตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2547/67 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 และ L11/43 ให้แก่บริษัท ยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC)
ทั้งนี้ การโอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะซึ่งถืออยู่ทั้งหมดตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2547/67 ของ สยามโมเอโกะ เป็นการดำเนินการเปลี่ยนแปลงผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 หรือพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมอรุโณทัย และแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L11/43 หรือพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมบูรพา (พื้นที่จังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก) ซึ่งเป็นแหล่งที่ค้นพบปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์และมีการดำเนินการผลิตปิโตรเลียมตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.56 (สิ้นสุดระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมในวันที่ 21 ม.ค.76)
เนื่องจากสนามเมโกะ ประกอบธุรกิจด้านน้ำมันดิบ ส่งผลให้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติและของเหลวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมดังกล่าว ดังนั้น การผลิตปิโตรเลียมตามแนวทางและมาตรฐาน จึงใช้เงินลงทุนในการดำเนินการสูงเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ
ขณะที่ ยูเอซี ยูทิลิตีส์ ได้แสดงความสนใจและตอบรับที่จะรับโอนสัมปทานปิโตรเลียม เพื่อแสวงหาโอกาสในการพัฒนาปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่ค้นพบแล้วให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศต่อไป โดยผู้รับโอนมีผู้ถือหุ้น 2 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายไทยและดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเลียม ดังนี้
- UAC ถือหุ้น 70% ใน ยูเอซี ยูทิลิตีส์ ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก, กิจการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าเสาเถียร-เอ และโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่า-เอ, โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ในเขตพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ได้จากการผลิตน้ำมันดิบแหล่งบูรพา (แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43) รวมทั้งมีการติดตั้งท่อก๊าซธรรมชาติเพื่อรับก๊าซธรรมชาติที่ได้จากการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมจากแหล่งปิโตรเลียมเสาเถียร-เอ (แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1)
- บริษัท พีทีอี พลัส จำกัด ถือหุ้น 30% ใน ยูเอซี ยูทิลิตีส์ ดำเนินธุรกิจด้านการสำรวจและให้บริการในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และผู้เชี่ยวชาญในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งมีประสบการณ์ เช่น บริการติดตั้งและซ่อมบำรุงเครื่องสูบหลุมน้ำมัน บริการหลุมเจาะติดตั้งและเปลี่ยนระบบการผลิตบริการหลุมผลิตแบบรถบรรทุกเคลื่อนที่ บริการแปลและวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินศักยภาพของแหล่งผลิต เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการปิโตรเลียมและกระทรวงพลังงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้รับโอนมีคุณสมบัติในการเป็นผู้รับสัมปทานตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และมีความพร้อมทางด้านเทคนิค ทางด้านการเงินในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัมปทาน และหากได้รับทราบผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้วยูเอซี ยูทิลิตีส์ จะเข้าดำเนินการพัฒนาแหล่งที่ค้นพบปิโตรเลียมและผลิตปิโตรเลียมได้ต่อไป