เผยแพร่:
ปรับปรุง:
สุโขทัย – เปิดบ้านข้าวตอกพระร่วง..โอทอป 4 ดาวต่อยอดความเชื่อ “ข้าวตอก/ข้าวก้นบาตรพระร่วง-หินศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงสุโขทัย” เจียระไนทำทั้งหัวแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แม้แต่เศษผงยังทำเงินได้
นายเหล็ง จันทร์ฉาย อายุ 75 ปี เจ้าของบ้านข้าวตอกพระร่วง เลขที่ 382/1 หมู่ 2 ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย เล่าถึงความเป็นมาของข้าวตอกพระร่วง และข้าวก้นบาตรพระร่วง ซึ่งเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ของชาวสุโขทัย ว่า ตามตำนาน “ข้าวตอกพระร่วง” และ “ข้าวก้นบาตรพระร่วง” เกิดจาก “พระร่วง” ผู้มีวาจาสิทธิ์ ครั้งออกผนวชที่วัดเขาพระบาทใหญ่ ในวันตักบาตรเทโวโรหณะ เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จแล้วได้โปรยข้าวที่เหลือก้นบาตรลงที่ลานวัด และอธิษฐานว่าให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง มีอายุยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลาน
ซึ่งข้าวตอกพระร่วง (เพชรหน้าทั่งหรือแร่เหล็กไพไรต์) จะมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าโดยธรรมชาติ ฝังตัวอยู่ในหินก้อนใหญ่ ส่วนข้าวพระร่วง หรือข้าวก้นบาตรพระร่วง จะมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสารจำนวนมาก ฝังตัวอยู่ในหินก้อนใหญ่เช่นกัน แต่เมื่อนำมาผ่าเจียระไนเสร็จแล้ว ก็จะดูคล้ายเมล็ดข้าวสุกที่ฝังตัวอยู่ในหินสีดำ
โดยหินทั้ง 2 ชนิดนี้ พบมีจำนวนมากบนเขาพระบาทใหญ่ (จุดเกิดตำนาน) ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน เคยมีชาวบ้านขึ้นไปขุดหากันจำนวนมาก กระทั่งเกิดเรื่องเศร้า..มีชาวบ้านชายรายหนึ่งถูกดินถล่มทับเสียชีวิตคาอุโมงค์ที่เพื่อหาข้าวตอกพระร่วงก้อนใหญ่ หวังขายได้ราคาดี แต่เพราะขุดลึกเกินไปจนถล่ม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งห้ามการขุดค้นหาข้าวตอกพระร่วงบนเขาแห่งนี้เพื่อความปลอดภัย
ขณะที่เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของ “ข้าวตอกพระร่วง” และ “ข้าวก้นบาตรพระร่วง” ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินมงคล ใครมีไว้บูชาจะเจริญ ค้าขายขึ้น รวมทั้งเกิดโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย และป้องกันคุณไสย อีกด้วย
ลุงเหล็ง บอกอีกว่า ปัจจุบันที่บ้านข้าวตอกพระร่วง มีการนำหินข้าวตอกพระร่วง และข้าวก้นบาตรพระร่วง ที่ขอแบ่งซื้อจากคนเฒ่าคนแก่ มาเจียระไนเป็นเครื่องประดับ เช่น ทำหัวแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ส่วนเศษผงจากการเจียระไนก็เอาไปบดละเอียด นำมากดเป็นพิมพ์พระต่างๆ ซึ่งทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว จนได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์โอทอป 4 ดาว