จากกรณีที่มีผู้ปกครองรายหนึ่ง เข้าร้องเรียนต่อนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือ เนื่องจากถูกโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์แจ้งความดำเนินคดีข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เหตุทำเพจเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์โรงเรียนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เด็กนักเรียนทั้งหมดผ่านช่องทางออนไลน์ โดนหมายจับพาไปถึง จ.สุราษฎร์ธานี พบมีหมายจับจากอีก 2 จังหวัด ทั้งสุโขทัย และเชียงใหม่ นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังเชิญให้ลูกสาวออกจากโรงเรียน โดยให้หาที่เรียนใหม่ภายใน 90 วัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 64 รายการ “ถามสุดซอย” ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี-ศุกร์ เวลา 14.50 – 15.40 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” และ “นภัส ธีรดิษฐากุล” สัมภาษณ์ “สันติ ขันธพิริยะอนันต์” แอดมินเพจสมาคมผู้ปกครองออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น
– เหตุการณ์ตอนนั้นประมาณยังไง ?
สันติ : หลังมีข่าวครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กนักเรียนในโรงเรียน มีครูจุ๋มและครูอีกหลาย ๆ ท่าน เป็นสิบ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ทำยังไงปัญหาถึงจะได้ถูกแก้ไข ผมก็เลยทำกลุ่มบนเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อรวบรวมปัญหาว่าผู้ปกครองคนไหนเคยเจอปัญหาลักษณะไหน เพื่อนำปัญหาไปเสนอให้โรงเรียน ว่าโรงเรียนเห็นมั้ยว่ามีปัญหา 1 2 3 4 เพื่อเสนอให้โรงเรียนปรับปรุงแก้ไข
– ลูกสาวคุณโดนทำร้ายด้วยมั้ย ?
สันติ : ลูกสาวผมไมได้ถูกทำร้าย
– ปัญหาที่นำไปสู่การฟ้องร้อง มาจากโพสต์อะไร ?
สันติ : ล่าสุดที่โดนหมายจับจังหวัดสุราษฎร์ฯ คือทางโรงเรียนไปแจ้งว่าผมทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งเอกสารตัวนั้นเป็นเอกสารชี้แจงของโรงเรียน เกี่ยวกับกรณีชดเชยให้เด็กที่อยู่ในคลาสเดียวกับที่เด็กโดนทำร้าย เป็นการชดเชยค่าเทอมให้ 1 ปี เป็นหนังสือจากทางโรงเรียน เอกสารตัวนั้นผมได้จากสื่อทั่วไป และเอาไปแป๊ะในกรุ๊ปที่ผมทำ เหมือนเอาข่าวมาแชร์ต่อกัน เราก็ประกาศว่าลองดูนะ สิ่งที่โรงเรียนประกาศจะชดใช้ ผู้ปกครองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตรงนี้ได้แบบนั้นจริงหรือเปล่า และในนั้นมีลิงก์ข่าวจากสื่อต้นทางที่เขาอธิบายชัดเจนว่าเป็นเลข 1 ข้อความที่เป็นประเด็นคือโรงเรียนจะชดใช้ค่าเล่าเรียนเป็นเวลา 1 ปี แต่เอกสารที่ผมนำมาโพสต์ เนื่องจากความไม่ชัดของเอกสาร โรงเรียนมองว่าเป็น 3 ปี แค่นี้เลย ซึ่งเป็นเลขไทย และค่าเสียหายรวมที่โรงเรียนแจ้งว่าชดเชยค่าเสียหายไปแล้ว 11 ล้าน ถ้ามองว่าเป็นเลข 3 ก็ต้องเป็น 33 แต่มามองตรงนี้ ว่าผมนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ผมเอามาเพื่อให้ผู้ปกครองทราบว่าโรงเรียนชี้แจงแบบนี้ ถูกต้องหรือเปล่า
– มองว่าที่โดนเป็นการกลั่นแกล้ง ?
สันติ : เขาอาจปกป้องสิทธิ์เขาก็ได้ ซึ่งตอนนั้นก็เข้าใจได้ ต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการในชั้นศาล ยินดีพิสูจน์ ว่าเลขที่เราเอามาเป็นเลข 1 ไม่ใช่เลข 3
– เขาติดต่อเรามั้ย ?
สันติ : ไม่มีเลย ผมได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของคดีที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ประมาณกลาง ๆ เดือน ก.พ. ว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องนี้ ให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา จะได้ไม่ต้องออกหมายเรียก ผมก็ยินดี หลังจากนัดเวลาเรียบร้อย ผมก็เดินทางไป สภอ. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน มีการนัดกันว่า 10 มี.ค. สารวัตรจะนำตัวผมส่งอัยการ เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป นัดกันเรียบร้อย
– เรื่องที่แปลกในคดีนี้ คือกลายเป็นว่าที่โดนหมายจับ เกิดขึ้นหลากหลายจังหวัด ?
สันติ : หมายจับที่โดนล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. โดนจับขณะขับรถรับลูกสาวในโรงเรียน จอดรถปุ๊บเจ้าหน้าที่ก็เดินมาประชิดตัวและแจ้งว่าเป็น ตร. เปิดหมายให้ดูแว้บนึง ซึ่งมันอ่านไม่ทันหรอก แต่รู้ว่าเป็นหมายจับ สภอ.กาญจดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี ถามว่าแปลกใจมั้ย ผมแปลกใจและตกใจมาก แต่ด้วยความเคารพ มันเป็นหมายศาล ผมก็ต้องยอม
– เห็นบอกว่ามีอีก ?
สันติ : หลังจากโดนจับไปที่ สภอ.ชัยพฤกษ์ มีเพื่อน ๆ ไปให้กำลังใจ และเห็นว่าน่าจะมีหมายจับจากที่อื่น ๆ อีก ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ตรวจสอบ ว่ามีจริงตามนั้นหรือเปล่า
– นอกจากหมายจับที่สุราษฎร์ฯ เห็นว่ามีอีก 2 ที่ ที่ไหนบ้าง ?
สันติ : มีเพื่อนช่วยเช็กว่ามีที่โคราช เชียงใหม่ ด้วยนะ ตอนนั้นเราไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน เพราะไม่เชื่อว่าจะมีหมายจับทั่วประเทศขนาดนี้ ในเรื่องเดียวกัน คือ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ แต่ตัวเอกสารที่เขาใช้ในการฟ้องเรา เราไม่แน่ใจว่าเป็นเอกสารชิ้นเดียวกันหรือเปล่า หลังจากถูกจับกุมที่ชัยพฤกษ์ ก็ถูกนำตัวเข้าห้องควบคุมเพื่อส่งต่อให้ สภอ.กาญจนดิษฐ์ มารับตัวไป ต้องนอนคุกที่ชัยพฤกษ์ 1 คืน โดยที่เราประกันตัวไม่ได้ เพราะทางชัยพฤกษ์จับตัวเพื่อส่งต่อให้กาญจนดิษฐ์ แล้วคืนนั้น ประมาณ 6 โมงเย็น กาญจนดิษฐ์ก็มารับตัว ไปถึงสุราษฎร์ฯ จน 6 โมงเย็น ถูกส่งตัวไปฝากขังที่ชั้นศาล และทำเรื่องประกันตัวที่ชั้นศาลออกมา
– สุโขทัยกับเชียงใหม่ เป็นยังไง ?
สันติ : หลังจากนั้นเราก็สงสัยว่าที่เพื่อนพูดมาจริงเท็จแค่ไหน เลยฝากเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ ตร. ว่าจริงมั้ย เพราะเราก็วิตกกังวลว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเลยไป ทำไมมีหมายจับจากหลาย ๆ จังหวัดเข้ามา ปรากฏว่ามีที่สุโขทัยกับเชียงใหม่ ที่เป็นหมายจับออกมา เป็นข้อหาเดียวกัน หลังจากนั้นเราก็แอบตกใจ ว่าทำไมมีหมายจับอีกแล้ว แล้วไปดูในหมายจับ มีระบุว่าเรามีเจตนาหลบหนี ซึ่งเราก็งงหนักเข้าไปอีกว่า ผมใช้ชีวิตปกติทุกวัน รับส่งลูกที่โรงเรียนทุกวัน แล้วผมเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ชัยพฤกษ์ ทำไมเป็นหมายจับ ว่าผมเจตนาหลบหนี แล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของหมายเรียก รู้ตัวอีกทีโดนจับวันนั้นเลย
– ถาม ตร. มั้ย ทำไมเรื่องเดียวกันเกิดขึ้นหลาย ๆ พื้นที่ ?
สันติ : เหตุผลที่เกิดการแจ้งความที่สุราษฎร์ฯ ในหมายระบุว่าทางโรงเรียนได้ลงไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่สุราษฎร์ เผอิญเปิดมาในเฟซบุ๊กที่ผมทำ เพื่อดูว่าผู้ปกครองมีข้อเสนออะไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลตรงนี้ไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น แล้วบังเอิญเปิดเจอกระทู้ผมเอาไปแปะไว้ดังกล่าวที่สุราษฎร์ฯ ก็เลยแจ้งความที่สุราษฎร์ฯ
– สุโขทัยล่ะ ?
สันติ : จากที่ทราบข่าว ก็ได้พี่ทนายรณณรงค์ เข้ามาช่วยเพื่อนำไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมที่สอบสวนกลางเมื่อเช้า 15 มี.ค. ที่ผ่านมา รองผู้บัญชาการก็รับเรื่องให้ เจตนาวันนั้นผมต้องการเข้าไปมอบตัวเลย ในเมื่อมีหมายจับ แสดงเจตนาชัดเจนว่าเราไม่หนีแน่ ๆ เจตนาคือเตรียมพร้อมถูกจับกุม หลังจากที่กองปราบเช็ก ปรากฏว่ามีหมายลิสต์ขึ้นมาจริง แต่ยังไม่ได้ขออำนาจศาลในการออกหมายจับ เหมือนเตรียมรอไว้มากกว่า สงสัยตรงที่ว่าทำไมมีเจตนาหลบหนี ทั้งที่เราไปรับส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน
– คิดว่าเป็นแบบนี้เพราะอะไร ?
สันติ : ไม่คิดว่าจะเป็นเจตนากลั่นแกล้งกันหรือเปล่า เพราะต้องเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ใต้ เชียงใหม่ และไม่แน่ใจว่ายังมีสถานที่อื่น ๆ อีกหรือเปล่า ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นการที่เราเป็นตัวแทนผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านที่พยายามขอความร่วมมือกับทางโรงเรียน ว่าขอให้ปรับปรุง แก้ไขอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อให้การเรียนการศึกษามันดีขึ้น เราขอแค่ให้ทำตามมาตรฐานกระทรวงเท่านั้น
– หลังลุกขึ้นมาเป็นแอดมินเพจ ได้รับหนังสือจากทางโรงเรียน เชิญลูกสาวออกจากโรงเรียนภายใน 90 วัน ?
สันติ : ต้องเท้าความว่าก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยกัน ระหว่างผมและผู้อำนวยการโรงเรึยน ท่านขอร้องว่าให้โพสต์ในด้านดี ๆ ของโรงเรียนบ้าง ผมก็ตอบว่าผมยินดีที่จะทำ ถ้าโรงเรียนมีการแก้ไข เพราะลูกเราก็เรียนอยู่ตรงนั้น เราอยากให้โรงเรียนพัฒนาเพื่อคุณภาพลูกเราเอง และโรงเรียนที่มีมาตรฐาน
– ตอนตั้งเพจและเขาเรียกไปคุย นานมั้ย ?
สันติ : ปลาย ก.ย. ปีที่แล้ว หลังจากนั้นสักระยะนึงก็มีการพูดคุยกัน ผมก็ยินดี ถ้าโงเรียนปรับปรุงแก้ไข ก็ทิ้งช่วงไปสักระยะ จนช่วง พ.ย. ทาง ผอ. ก็ติดต่อเชิญผมเข้าไปคุยที่โรงเรียน ผมก็ถามว่าคุยเรื่องอะไร มีผู้ปกครองท่านไหนไปพูดคุยบ้าง ผมก็อยากให้โอเพ่น ทางโรงเรียนไม่ตอบประเด็นที่จะคุย วันรุ่งขึ้นก็พยายามถามแต่ติดต่อไม่ได้ ติดต่อไปธุรการก็ไม่ประสานงานให้ หลังจากนั้นมีจดหมายเชิญมา 3 บรรทัด บอกว่าขอเชิญผู้ปกครองไปพูดคุยเรื่องผลการเรียนของเด็กนักเรียน คือลูกสาวผม ผมก็ตกใจไปกันใหญ่ ทำไมลูกสาวผมมีปัญหา ก่อนหน้านี้ลูกเรียนได้เกรด 1 ใน 5 ไม่น่ามีปัญหา ใช้เหตุผลตรงนี้ในการให้ผมเข้าไปพูดคุย ผมได้รับคนเดียวแต่ผมปฏิเสธ เพราะผมมองว่าไม่จริงใจ รูปแบบไม่เหมือนจดหมายเชิญ ผมบอกถ้าแบบนี้ผมไม่เข้าไปคุยนะ ผมต้องการคุยแบบโอเพ่น ผมก็ไม่เข้าไป เพราะดูว่าไม่จริงใจ
– แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
สันติ : หลังจากนั้น 4 วันไปรับส่งลูกทุกวันเหมือนเดิม น่าจะศุกร์ที่ 17 ธ.ค. มีไปรษณีย์ส่งมาหน้าบ้านจากโรงเรียน เปิดมาแล้วตกใจ โรงเรียนแจ้งว่าผมทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับการศึกษาของโรงเรียน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนมีความจำเป็นต้องเชิญลูกสาวออกใน 90 วัน ให้เราหาโรงเรียนใหม่ให้กับเด็ก ลงชื่อ ผอ.โรงเรียน วินาทีที่เราเห็น เราตกใจมาก เราไม่คิดว่าสิ่งที่เราทำ หรือเรียกร้อง ในสิ่งที่ควรจะถูกต้อง ผลกระทบกลับตกที่ลูกสาวเรา
– เราบอกลูกเรายังไง ?
สันติ : ณ ตอนนั้นไมได้บอกลูก คิดอยู่ 2-3 วัน จนวันจันทร์ ผมทำหนังสือร้องเรียนไปที่สำนักงานช่วยเหลือทางกฎหมายของอัยการสูงสุด และมีผู้สื่อข่าวเข้ามาสอบถามประเด็นนี้ ลูกสาวเลยรู้ พอเขารู้ ประโยคแรกที่เขาถาม ป๊าหนูทำอะไรผิด (เสียงสั่นเครือ) ทำไมเขาต้องไล่หนูออกจากโรงเรียน ทำให้หนูหาโรงเรียนใหม่ หนูทำอะไรผิด (เสียงเครือ) แค่คำถามนี้คำถามเดียว ผมก็ตอบลูกไม่ได้แล้ว เพราะผมไม่คิดว่าในสังคมปัจจุบันของบ้านเรา ยังดึงเอาเด็กเข้ามาเป็นปัญหาระหว่างผู้ปกครองกับโรงเรียน ไม่ควรเอาเด็กไม่ว่าจะลูกผมหรือคนไหนก็แล้วแต่เข้ามาเป็นส่วนเพื่อให้ปัญหายุติ
– เราประสานกับทางโรงเรียนมั้ย ?
สันติ : ไม่ได้ประสาน เราให้เวลาเขาจัดการ ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานไหนเลย ทาง สช. ได้แจ้งจดหมายไปทางโรงเรียนหรือเปล่า เพราะ สช. กำหนดว่าทำไม่ได้ ให้ติดต่อกับทางโรงเรียน ถามไปก็เงียบ จนต้น มี.ค. ผมก็ถามว่าตกลงในเคสลูกสาวผมจะอยู่ในสถานะไหน มันกำลังจะครบ 90 วัน กลาง มี.ค. นี้แล้ว
– ตอนนี้เลย 90 วันแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
สันติ : ผมไม่ให้ลูกสาวผมไปเรียน ตั้งแต่ผมโดนจับที่สุราษฎร์ฯ 9 มี.ค. หลังจากนั้นไม่ให้ไปโรงเรียนแล้ว เพราะผมกลัวกระทบความรู้สึกลูกผม ไม่รู้ใครจะพูดอะไรหรือเปล่า ก็บอกให้ลูกหยุดอยู่บ้าน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป
– คนอื่นรับรู้มั้ยว่าเราโดนแบบนี้ ?
สันติ : น่าจะมีคนรับรู้บ้าง ตอนนี้ผมมีหมายศาลอีก 4 ฉบับ จากศาลแขวง และมีผู้ปกครองอีก 3 ท่าน มีหมายศาลจากศาลแขวงจังหวัดนนท์ 20 ฉบับ โดนข้อหาหมิ่นประมาทจากการโฆษณา
– คิดว่าคุ้มมั้ย ?
สันติ : ถ้ามีผลออกมา ผมไม่ได้คาดหวัง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คาดหวังว่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่ไม่คิดว่าผลกระทบที่ตามมา จากการที่เราแสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ แต่กลายเป็นว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ
– โรงเรียนดูแลผู้ปกครองที่ลูกถูกกระทำยังไง ?
สันติ : มีผู้ปกครองบางท่านที่ไม่สามารถหาข้อตกลงได้ นัดเจรจา 22 มี.ค. ค่าชดเชยวงเงินเท่าไหร่ ก็ยังอยู่ แต่มีบางคนที่โรงเรียนไกล่เกลี่ยเรียบร้อย
– ไปขอความช่วยเหลือจากทนายรณณรงค์ได้ยังไง ?
สันติ : ตั้งแต่ต้นที่ทนายรณณรงค์มาดูแลเคสตั้งแต่เด็กถูกทำร้าย ก็อาจเป็นความต่อเนื่อง และวันที่ 9 ที่ถูกจับกุมไป สภ.ชัยพฤกษ์ ไม่รู้จะให้ใครช่วยเหลือ เลยโทรปรึกษาพี่รณณรงค์ว่าทำยังไงดี
– ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร อยู่ในสาย อยากทราบว่าออกหมายจับในเรื่องเดียวกัน สามารถออกจังหวัดต่าง ๆ ได้ด้วยเหรอ ?
ทนาย : ถ้าพบเห็นที่ไหนสามารถแจ้งความได้ที่นั่น
– ที่สุราษฎร์อยู่ดี ๆ มีหมายจับ ?
ทนาย : ที่เขาแจ้งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ปลอม หรือบิดเบือน ข้อหานี้มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท การออกหมายจับ ความผิดที่มีอัตราโทษเกินกว่า 3 ปี สามารถออกได้ โดยไม่ต้องมีหมายเรียกก่อน แต่การให้ความเป็นธรรม พนักงานสอบสวนที่เป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม มันต้องมีข้อท้วงติงจากหลายภาคส่วน ทั้ง ตร. ด้วยกันเอง โดยผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักงานอัยการ หรือทางรัฐสภา บอกเสมอว่าลักษณะแบบนี้ต้องมีการออกหมายเรียกเพื่อให้สิทธิ์ผู้ต้องสงสัยรวบรวมหลักฐานสู้คดี โดยไม่ต้องถูกจับกุมขัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นดุลยพินิจพนักงานสอบสวน แต่ถ้าเป็นพนักงานสอบสวนแถวบ้านผม เขาจะไม่ทำแบบนั้น เท่านั้นเอง
– การที่ลูกคุณสันติที่อยู่ดี ๆ ทางโรงเรียนเชิญให้ออกใน 90 วัน ฟ้องร้องอะไรได้มั้ย ?
ทนาย : ยกกันมานะ การศึกษาเป็นงานบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง อยู่ในกฎหมาย การดูแลของภาครัฐ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำได้ ทีนี้มีทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดเลยนะ คุ้มครองสิทธิของเด็กว่าด้วยการศึกษา เพราะงั้นถ้ามีกฎหมายอื่นมาขัดแย้งย่อมทำไม่ได้ คุณสันติมีสิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครองได้ ให้ศาลชี้ขาดว่าทำได้หรือไม่ได้
– อยากให้เรื่องนี้จบยังไง ?
สันติ : ขั้นตอนดำเนินการควรให้ความเป็นธรรม ไม่ว่าจะผมหรือทุก ๆ คน ไม่ควรมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนอื่น
– จะฟ้องกลับมั้ย ?
สันติ : เดี๋ยวว่ากันอีกที คงเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่เชียงใหม่และสุโขทัยเพื่อเข้าสู่กระบวนการ
ขอบคุณ : รายการถามสุดซอย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thainews
>>Lazada มอบดีลช๊อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<
ติดตามข่าวสารทาง Line