พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 4 กันยายน พ.ศ. 2565
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 103/2565
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทาให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 2 ก.ย. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
คำเตือน ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. และ 3-4 ก.ย. บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งระวังน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์
ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 4 ก.ย. 65 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม. – ระยะนี้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เช่น โรคแอนแทรคโนสในพริก เป็นต้น สำหรับในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกไม่สม่ำเสมอควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์
ในช่วงวันที่ 29 ส.ค. – 1 ก.ย. 65 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานเพราะอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้ โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เป็นต้น
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. และ 3-4 ก.ย. ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 4 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วงกับฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. และ 3-4 ก.ย. ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 4 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วงกับฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้าเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ควรเก็บกวาดเศษซากวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตร ไม่ให้กองสุมไว้เป็นแหล่งหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 29 ส.ค. – 2 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %
– ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วงกับฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง สำหรับในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในไม้ผล เช่น โรครากเน่าและโคนเน่าและโรคใบไหม้ในทุเรียน เป็นต้น ส่วนผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 4 กันยายน 2565 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบนเกือบตลอดสัปดาห์ โดยพาดเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 22 และ 24 ส.ค. จากนั้นได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่พายุโซนร้อนกำลังแรง “หมาอ๊อน (MA-ON, 2209)” ในวันที่ 25 ส.ค. โดยพายุดังกล่าวได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองเหมาหมิง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในช่วงเช้าของวันที่ 25 ส.ค. และได้เคลื่อนตัวผ่านตอนบนของประเทศเวียดนามแล้วอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในช่วงเช้าของวันที่ 26 ส.ค. จากนั้นได้อ่อนกำลังลงอีกเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศลาวตอนบนในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ส่งผลให้ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนและประเทศลาวตอนบนในวันที่ 26-27 ส.ค. ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงในระยะปลายสัปดาห์ กับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่นในระยะกลางสัปดาห์กับมีรายงานลมกระโชกแรงและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกของภาคมีฝนหนาแน่นเกือบตลอดสัปดาห์
ภาคเหนือ มีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 23 และ 28 ส.ค. มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 15 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดลำปางในวันที่ 25-26 ส.ค. จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 26 ส.ค. จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน และลำพูนในวันที่ 27 ส.ค. จังหวัดตากและพิษณุโลกในวันที่ 28 ส.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดพะเยา ลำปาง ลำพูน สุโขทัย และกำแพงเพชรในวันที่ 25 ส.ค. และจังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่ 26 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 75-90 ของพื้นที่ในวันที่ 24-26 ส.ค. ส่วนวันอื่น ๆ มีฝนร้อยละ 15-50 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 24 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และบุรีรัมย์ในวันที่ 25 ส.ค. จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมาในวันที่ 26 ส.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดอุดรธานี มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ในวันที่ 25 ส.ค.
ภาคกลาง มีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่ในวันที่ 24-26 ส.ค. ส่วนวันอื่น ๆ มีฝนร้อยละ 5-30 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 26 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้าท่วมบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันที่ 22-26 ส.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดอ่างทองในวันที่ 26 ส.ค. ภาคตะวันออก มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 30 ของพื้นที่ในระยะต้นสัปดาห์ จากนั้นมีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดจันทบุรีในวันที่ 24 ส.ค. จังหวัดสระแก้วในวันที่ 25 ส.ค. จังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 25 และ 28 ส.ค. จังหวัดนครนายกในวันที่ 26 ส.ค. จังหวัดระยองในวันที่ 27 ส.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดปราจีนบุรีและตราดในวันที่ 25 ส.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ในวันที่ 25-27 ส.ค. ส่วนวันอื่น ๆ มีฝนร้อยละ 25-40 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเพชรบุรีในวันที่ 26 ส.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่าร้อยละ 85 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 25 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดพังงาในวันที่ 22 ส.ค. จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 22 และ 26 ส.ค. และจังหวัดกระบี่ในวันที่ 26 ส.ค.
สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดเชียงราย ลำปาง ตาก นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด พัทลุง สงขลา พังงา และกระบี่ ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี อ่างทอง ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม สระแก้ว ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง ภูเก็ต ตรัง และสตูล
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา