เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ เเกนนำกลุ่ม พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 10กว่าคน เข้าร่วมกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 1.12 ชั่วโมง” เป็นวันที่ 82 โดยยืนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที พร้อมห้อยป้าย ปล่อยเพื่อนเราเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่โดนจับกุม
โดยภายหลังยืนครบเวลา นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่าวันนี้เป็นวันที่ 82 ที่ยืนหยุดขัง ได้แสดงเจตนารมณ์เพื่อให้ศาลเคารพหลักการเบื้องต้นเรื่องสิทธิการประกันตัว ผู้ต้องขังทางการเมือง ปัจจุบันมีผู้ต้องขังทางการเมือง 24 คนเป็นเยาวชน1คน จากเหตุการณ์ในวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยได้วินิจฉัยคำร้องที่ขอให้วินิจฉัยการปราศรัยของนายอานนท์ นำภากับพวกรวม 3 คนในการชุมนุมเมื่อวันที่3 สิงหาคม 2563ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และการชุมนุม 10 สิงหาคม 2563 ในงานธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่จัดขึ้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต โดยระบุว่าการกระทำของทั้ง3 มีความผิดฐานล้มล้างการปกครอง เเละสั่งให้มีผลผูกพันธ์ฯ นั่นหมายความว่าการชุมนุมทางการเมืองต่อจากนี้หากมีการกล่าวถึงการปฏิรูปสถาบันฯจะถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตอนหนึ่งในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมมนูญระบุว่าตลอดประวัติศาสตร์การปกครองของไทยนี้อำนาจการปกครองเป็นของสถาบันฯมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์
นายพันธ์ศักดิ์กล่าวต่อว่า โดยบรรยากาศภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยมีกระดาษจำนวนมากโปรยอยู่หน้าอาคารศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมวลชนได้โปรยเอาไว้กระดาษมีมีข้อความเช่น ยกเลิก112 หรือปฏิรูปตุลาการ และต่อมาเวลา 17.00 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเผาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลอง บ่งบอกถึงการไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งตะโกนอ่านบทกวีของวิสา คัญทัพ ความว่าเมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิ
นายพันธ์ศักดิ์ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้อาจจะยังท้อถอยนิดนึงแต่ยังชักชวนให้กำลังใจกัน ต่อสู้ต่อไป พวกเรายังยืนหยัดอยู่กันได้คนข้างในก็จะมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ
หลังจากนั้น นายพันศักดิ์เชิญชวนให้ทุกคนชูสามนิ้ว แล้วเปล่งคำว่า ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว” 3 ครั้ง พร้อมกัน ก่อนยุติกิจกรรมและแยกย้ายกันกลับโดยสงบ
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่