เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สุโขทัย – เถ้าแก่หนุ่มเจ้าของ “BiGตี๋สั่งตาย-ซาลาเปายักษ์ชื่อดังสุโขทัย” ครวญทั้งผักทั้งหมูแพงต่อเนื่อง ลูกค้ารัดเข็มขัด ทำยอดตกฮวบ 70% แต่ยังต้องกัดฟันขายราคาเดิม
สถานการณ์เนื้อหมูและผักที่ปรับราคาขึ้นต่อเนื่องยังคงส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนเดือดร้อนกันทั่ว ถึงขั้นต้องรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน อะไรไม่จำเป็นก็ไม่กินไม่ซื้อ ขณะที่ร้านค้าต่างๆ ก็พยายามประคับประคองเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้เช่นกัน
นายจิรายุทธ ถึงมี อายุ 33 ปี เจ้าของร้านซาลาเปายักษ์ชื่อดังสุโขทัย “BiGตี๋สั่งตาย” และขนมจีบฮองเฮา ลูกใหญ่เท่ากำปั้น เปิดเผยว่า ที่ร้านได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะต้องใช้หมูใช้ผักเป็นส่วนประกอบทำขนมจีบ-ซาลาเปา อย่างเช่น หมูบด เคยซื้อกิโลกรัมละ 90 บาท ตอนนี้ขึ้นเป็น 140 บาท ผักแครอท เคยซื้อกิโลกรัมละ 25 บาท ก็ขึ้นเป็น 40 บาท, หัวหอม กิโลกรัมละ 30 บาทโดดเป็น 45 บาท, แตงกวา จาก 10-15 บาท ตอนนี้ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 25-30 บาท
โดยราคาวัตถุดิบเหล่านี้พุ่งขึ้นต่อเนื่องมานาน 2-3 เดือนแล้ว ทำให้ยอดขายหน้าร้านลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะข้าวของแพงขึ้น คนเคยกินเขาก็เซฟเงิน อะไรไม่จำเป็นเขาก็หยุดกินหยุดซื้อ ตอนนี้จึงได้แต่อดทนกัดฟันสู้ ขายราคาเดิม ไม่ลดปริมาณ และยังไม่ขอเพิ่มราคาขนมจีบ-ซาลาเปา เพื่อรักษาลูกค้าประจำ และมาตรฐานของร้านเอาไว้
นายจิรายุทธบอกอีกว่า ส่วนตัวนอกจากเปิดร้านขายซาลาเปาแล้ว ยังมีอาชีพเสริมเป็นนักดนตรีด้วย และเพิ่งจะลงทุนซื้ออุปกรณ์ดนตรี พอมีงานเตรียมจะได้เล่นบนเวที ก็ดันมาเจอสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอมิครอนซ้ำเติมอีก ทำให้เพื่อนที่เป็นมือเบสต้องไปช่วยพ่อแม่ขายต้นไม้แทน ส่วนอีกคนก็ต้องปล่อยให้รถยนต์โดนยึดไป นี่ยังไม่นับรวมวงดนตรีอื่นๆ พวกเขาเดือดร้อนกันมาก แล้วใครจะมาช่วยเหลือ