กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้น แนะประชาชนสวมหน้ากากและเช็คค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 1 – 4 มีนาคม 2564 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบางพื้นที่ทำให้การสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ลดลงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนล่าง ระหว่างวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2564 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจเกิดการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น จากการเผาในที่โล่ง และหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับความเร็วลมอ่อน
ส่งผลให้ในบางพื้นที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้มถึงระดับสีแดงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ประชาชนและกลุ่มเสี่ยงจะต้องป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากทุกครั้ง เมื่อออกนอกบ้าน สำหรับการเลือกและใช้หน้ากากที่ถูกต้องขอให้ ใช้หลัก 3 – 3 – 1 โดย 3 ตัวแรกคือ การเลือก ซึ่งมีวิธีการเลือกดังนี้ 1) เลือกหน้ากากที่ได้มาตรฐาน สะอาด ไม่มีกลิ่นผิดปกติหรือฉีกขาด 2) เลือกหน้ากากให้เหมาะสมกับลักษณะงานหรือกิจกรรมของผู้สวมใส่ และ 3) เลือกขนาดให้เหมาะสมกับใบหน้า
สำหรับ 3 ตัวที่สอง คือ การใช้ ได้แก่ 1) ใช้สวมให้ถูกต้อง โดยครอบจมูก และปากโดยไม่สวมไว้ใต้คาง 2) ไม่สวมหน้ากากขณะออกกำลังกาย เนื่องจาก การสวมทำให้หายใจลำบากและทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติ 3) ไม่ใช้หน้ากากร่วมกับผู้อื่น และ 1 ตัวสุดท้าย คือ การทิ้ง ต้องทิ้งลงถังขยะและล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง นอกจากนี้ควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศทางเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน Air4thai ของกรมควบคุมมลพิษ หรือติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการ เช่น เพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5” อย่างต่อเนื่อง
“ทั้งนี้ ผลสำรวจผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละออง PM2.5 โดยการประเมินอาการตนเองของประชาชน ด้วยอนามัยโพลล่าสุด พบว่า มีอาการมากที่สุดยังคงเป็น มีน้ำมูก ร้อยละ 16.71 ระคายเคืองตา ร้อยละ 12.1 และแสบจมูก ร้อยละ 12.0 ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบอาการมากสุดเป็นกลุ่มอายุ 55 – 64 ปี ร้อยละ 23.33 และกลุ่มอายุ 45 – 54 ปี ร้อยละ 22.55 สำหรับจังหวัดที่พบว่ามีอาการมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สุโขทัย สกลนคร กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และพะเยา ตามลำดับ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบว่ามีฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองในช่วงที่มีค่าฝุ่นละอองสูง รวมทั้งขอความร่วมมือในการงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น และงดการเผาในที่โล่งแจ้ง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว